สาเหตุการเกิดสิวที่หลัง

• ฮอร์โมน
• ความอับชื้นที่เกิดจากการใส่เสื้อผ้าไม่ระบายอากาศ
• ใส่ชุดนอนซ้ำๆ
• ผงซักฟอก หรือน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ใช้
• ความสกปรกของที่นอน
• สบู่ หรือแชมพูที่ใช้
• น้ำหอม
• อาบน้ำอุ่นบ่อยๆ

สิวที่เกิดจากการอุดตัน

• ทายารักษาสิว เหมือนกับสิวที่หน้า เช่น Benzac AC , Clinda-m , Smooth e hydrogel
• ทาแป้งน้ำรักษาสิว แป้งน้ำส่วนใหญ่มีส่วนผสมของ Salicylic acid ซึ่งสามารถช่วยลดการอุดตันและการอักเสบของสิวได้ เป็นวิธีที่นิยมใช้กันเพราะราคาไม่แพง เกลี่ยง่าย เหมาะกับสิวที่กระจายเป็นวงกว้าง เช่น แป้งน้ำศิริราช , แป้งน้ำ thlos , แป้งสิวกรรณิการ์ , แป้งน้ำ ziit
• สเปรย์ฉีดสิวที่หลัง เป็นอีกหนึ่งวิธีรักษาสิวที่หลังที่นิยมใช้กัน ส่วนใหญ่มีส่วนผสมของ Salicylic acid เหมือนกัน นอกจากนี้ยังใส่สารฆ่าเชื้อแบคทีเรียอื่นๆเพิ่มเติมมาให้ด้วย เช่น Vitara SE Body Acne Spray , Oxe cure body acne spray , Mistine AC-Solute Body Acne Spray
• ใส่เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ดี ไม่ก่อให้เกิดการอับชื้นง่าย

สิวที่เกิดจากการระคายเคือง

• ซักผ้าปูที่นอนบ่อยๆ สัปดาห์ละครั้งได้ยิ่งดี
• เปลี่ยนชุดนอนทุกวัน
• ลองหยุดใช้น้ำหอมสักพัก
• เปลี่ยนยี่ห้อผงซักฟอก และน้ำยาปรับผ้านุ่ม
• เปลี่ยนสบู่ที่ใช้ บางคนแพ้สบู่เหลว บางคนแพ้สบู่ก้อน แต่ผมคิดว่าสบู่เหลวล้างออกยากกว่าทำให้เกิดการตกค้างง่ายกว่า ใครใช้สบู่เหลวอยู่ลองเปลี่ยนมาใช้สบู่ก้อนดูครับ เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น สบู่ที่นิยมใช้รักษาสิวที่หลัง เช่น สบู่มาดามเฮง , สบู่ไหมทองมังคุด , acne aid bar soap , sebamed cleansing bar
• เปลี่ยนแชมพูที่ใช้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ามีคนเป็นสิวที่หลังเพราะแชมพูสระผมเยอะมาก ส่วนใหญ่เกิดจากการระคายเคืองและการอุดตันเวลาที่เราสระผมแล้วแชมพูไหลมาสัมผัสกับแผ่นหลัง วิธีแก้ปัญหาคือเปลี่ยนยี่ห้อแชมพูที่ใช้ แชมพูที่นิมใช้แก้ปัญหาสิวที่หลัง คือ แชมพูเด็ก และแชมพูยาที่มีส่วนผสมของ selenium sulfide หรือ ketoconazole เช่น แชมพู nizoral , แชมพู selsun สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปครับ
• ไม่อาบน้ำด้วยน้ำอุ่น เพราะน้ำอุ่นทำให้ผิวแห้ง ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองง่ายและอาจทำให้สิวขึ้นได้