คลีนซิ่งจัดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญกับคนเป็นสิว โดยเฉพาะคนที่มีปัญหา สิวอุดตัน สิวหัวขาว สิวหัวดำ การใช้คลีนซิ่งเช็ดทำความสะอาดผิวก่อนล้างหน้าทุกวัน มีส่วนช่วยลดและป้องกันการเกิดสิวได้ ซึ่งในปัจจุบันมีคลีนซิ่งวางขายในท้องตลาดหลากหลายแบรนด์ Bifesta เป็นแบรนด์หนึ่งที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก มีหลายสูตรให้เลือกใช้ สำหรับคนเป็นสิวและผิวมันอย่างผมสนใจคลีนซิ่ง 2 สูตรนี้เป็นพิเศษนั่นคือ
"Bifesta Acne Care สูตรสำหรับคนเป็นสิว" และ "Bifesta Sebum สูตรสำหรับคนผิวมัน"
ตอนเห็นครั้งแรกผมสงสัยมากว่าคลีนซิ่ง 2 ตัวนี้แตกต่างกันอย่างไร? แล้วคนเป็นสิวอย่างเราควรเลือกใช้สูตรไหนดี? ซึ่งผมเชื่อว่าหลายคนคงสงสัยไม่ต่างกัน วันนี้
Acnedefend มีคำตอบมาฝากครับ
ส่วนผสมสำคัญ
ส่วนผสมหลักของคลีนซิ่งทั้ง 2 สูตรนี้ค่อนข้างใกล้เคียงกัน มีสารทำความสะอาดผิว สารให้ความชุ่มชื้น และสารลดการระคายเคืองผิว ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ น้ำมัน สี และพาราเบนเหมือนกัน คงถูกใจคนผิวแพ้ง่ายหลายคน ซึ่งความแตกต่างของคลีนซิ่ง 2 ตัวนี้คือส่วนผสมหลักที่เป็นจุดเด่นของผลิตภัณฑ์
Bifesta Acne Care
ตัวชูโรงของคลีนซิ่ง Bifesta สูตรสิว คือ o-Cymen-5-ol ส่วนผสมช่วยลดแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุการเกิดสิว และส่วนผสมช่วยลดการอักเสบของผิว เหมาะกับคนเป็นสิวโดยเฉพาะ คนที่ใช้คลีนซิ่งแล้วไม่ต้องการล้างหน้าซ้ำ คนที่ต้องการเช็ดทำความสะอาดผิวหน้าในระหว่างเดินทาง ตัว Acne care จะตอบโจทย์ได้ดีครับ
Bifesta Sebum
ตัวชูโรงของคลีนซิ่ง Bifesta สูตรสำหรับผิวมันคือ ส่วนผสมช่วยกระชับรูขุมขน ช่วยควบคุมความมันบนผิวหน้าอย่างสารสกัดจากชาเขียว (Green Tea Extract)ซึ่งเป็นส่วนผสมที่นิยมใส่ในผลิตภัณฑ์สำหรับคนผิวมันและเป็นสิวครับ
การทำความสะอาด
ส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่าคลีนซิ่ง 2 สูตรนี้ มีความสามารถในการทำความสะอาดผิวหน้าไม่แตกต่างกัน เช็ดทำความสะอาดผิวได้ดีเยี่ยม ไม่แสบตา ไม่ระคายเคืองผิว ถ้าไม่ได้แต่งหน้าหรือทาแป้งแบบผสมรองพื้น ใช้สำลีแค่ 1-2 แผ่นเช็ดผิวหน้าก็สะอาดแล้ว
แต่ถ้าแต่งหน้าแบบทาแป้งผสมรองพื้น ควรใช้สำลีประมาณ 3-4 แผ่น เพื่อเช็ดเมคอัพให้ออกหมดจด ส่วนคนที่ใช้มาสคาร่าและอายไลน์เนอร์แบบกันน้ำ แนะนำให้ใช้พวกเบบี้ออยล์ หรือ Bifesta eye makeup remover เช็ดออกอีกที เพื่อถนอมบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปากที่บอบบาง จะได้ไม่ต้องถูแรงๆดีกว่าครับ
ความรู้สึกหลังใช้
ในส่วนความรู้สึกหลังใช้คลีนซิ่ง 2 ตัวนี้ ผมรู้สึกว่ามีความแตกต่างกันเล็กน้อย ตัว Bifesta Acne Care หลังเช็ดจะรู้สึกผิวชุ่มชื่นกว่าเล็กน้อย ไม่แห้งไม่ตึง รู้สึกได้ถึงความอ่อนโยน ในขณะที่ตัว Bifesta Sebum หลังเช็ดจะรู้สึกว่าความมันบนผิวหน้าถูกขจัดออกหมด แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผิวแห้งจนแสบผิวอะไรนะครับ เพียงแต่รู้สึกว่ามันตึงกว่าตัว Bifesta Acne Care นิดหน่อย แต่โดยรวมแล้วผมใช้ได้ทั้ง 2 สูตร ไม่แพ้หรือมีอาการระคายเคืองอะไรครับ
เลือกใช้คลีนซิ่งสูตรไหนดี?
เอาจริงๆผมว่าการจะเลือกว่าแต่ละคนควรใช้คลีนซิ่งของ Bifesta สูตรไหนเป็นเรื่องค่อนข้างยาก เพราะผิวคนเราไม่เหมือนกัน มีปัญหาหรือรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันออกไป แต่ถ้ามองในมุมของผม ผมขอเลือกแบบนี้ครับ
เลือกใช้ Bifesta Acne Care
สำหรับคนที่มีปัญหาสิวแต่ผิวไม่มันมากจนเกินไป คนผิวผสม หรือต้องการความชุ่มชื้นหลังเช็ดมากหน่อย
เลือกใช้ Bifesta Sebum
ถ้าเป็นคนผิวมันมากๆ มันแบบทั่วหน้า ประมาณล้างหน้าเสร็จแปบเดียวก็มันแล้ว คนที่มีรูขุมขนกว้าง
ราคา
- Bifesta Cleansing Lotion Acne Care ขนาด 300 ml ราคา 290 บาท
- Bifesta Cleansing Lotion Sebum ขนาด 300 ml ราคา 290 บาท
ทั้งสองสูตรมีขวดเล็ก 90 ml ราคา 95 บาทขายที่ 7-11 สำหรับคนที่อยากทดลองใช้ก่อน
ส่วนตัวผมรู้สึกว่าคลีนซิ่งของ Bifesta ทั้ง 2 สูตรนี้ใช้ดีมากนะ ผมใช้สลับกันเป็นช่วงๆ สัปดาห์แรกลองสูตรสิวอีกสัปดาห์ลองสูตรผิวมัน ใช้มาประมาณ 1 เดือนเห็นจะได้ พยายามหาความแตกต่างของทั้ง 2 สูตรนี้ให้เจอจนได้เป็นบทความรีวิวในวันนี้ครับ
ถามว่าผมชอบสูตรไหนมากกว่ากัน? ขอตอบว่าชอบสูตรสิวมากกว่าครับ ใช้แล้วรู้สึกว่าสิวลดน้อยลง แล้วก็ไม่ค่อยขึ้นเหมือนเมื่อก่อน ใครเคยใช้คลีนซิ่งของ Bifesta สูตรไหน? ใช้ดีหรือไม่ดียังไง? มาแชร์กันที่หน้าเพจได้นะครับ