Acnedefend.in.th
เว็บไซต์เพื่อคนเป็นสิวทุกๆคน

ฮาดะลาโบะสีฟ้า VS เจลว่านหางจระเข้ Aloegel คนเป็นสิวใช้ตัวไหนดีกว่ากัน

หากพูดถึงมอยเจอร์ไรเซอร์หรือครีมบำรุงผิวสำหรับคนเป็นสิว 2 ตัวที่ผมชื่นชอบมากที่สุดคงไม่พ้น ฮาดะลาโบะขวดสีฟ้า และ เจลว่านหางจระเข้ Alogel ขององค์การเภสัช จัดเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นผิวดีในขณะที่ไม่ทำให้ผิวมากเกินไป โดยเฉพาะเวลาที่เราต้องทายารักษาสิวอุดตันมันทำให้ผิวเราแห้งลอกเป็นว่าเล่น มอยเจอร์มันจำเป็นก็ตอนนี้แหละ วันนี้ผมจะมาเปรียบเทียบความรู้สึกระหว่างการใช้ฮาดะลาโบะขวดสีฟ้า และเจลว่านหางจระเข้ Aloegel ให้อ่านกันครับ
 

เนื้อผลิตภัณฑ์

ฮาดะลาโบะขวดสีฟ้า : เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์แบบ water base เนื้อผลิตภัณฑ์มีความใส หนืดกว่าน้ำเล็กน้อย
เจลว่านหางจระเข้ Aloegel : เป็นผลิตภัณฑ์เนื้อเจล ใส ทาแล้วมีความหนืดกว่าฮาดะลาโบะเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เหนียวหนืดเหมือนมอยเจอร์ไรเซอร์แบบเนื้อครีมทั่วไป
Like : ฮาดะลาโบะขวดสีฟ้า
 

การซึมเข้าผิว

ฮาดะลาโบะขวดสีฟ้า : เกลี่ยง่าย ซึมเข้าผิวได้ดี ทาแล้วรู้สึกว่าเข้าไปในผิวจริงๆ ไม่ได้แค่เคลือบผิวอย่างเดียว
เจลว่านหางจระเข้ Aloegel : เกลี่ยอยากกว่าฮาดะลาโบะเล็กน้อยแต่ก็ไม่เหนียวหนืดจนเกินไป เวลาทาจะรู้สึกว่ามันไม่ซึมเข้าผิวสักเท่าไร ความรู้สึกจะเหมือนมีฟิล์มมาเคลือบหน้ามากกว่า
Like : ฮาดะลาโบะขวดสีฟ้า
 

กลิ่น

ฮาดะลาโบะขวดสีฟ้า : มีกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ทาไปหอมไปแบบเบาๆ
เจลว่านหางจระเข้ Aloegel : มีกลิ่นแต่มันไม่ใช่กลิ่นน้ำหอม ถ้าไม่ใช่กลิ่นว่านหางจระเข้ก็น่าจะเป็นกลิ่นสารเคมีอะไรสักอย่าง ส่วนตัวคิดว่าเหม็นมากกว่าหอมแต่ถ้าใช้ไปนานๆเดี๋ยวก็ชินเอง
Like : ฮาดะลาโบะขวดสีฟ้า
 

ความชุ่มชื้น

ฮาดะลาโบะขวดสีฟ้า : ให้ความชุ่มชื้นดีในขณะที่ไม่เพิ่มความมันให้กับผิวหน้ามากนัก ทาแล้วจะรู้สึกว่าหน้าฉ่ำกว่าเจลว่านหางจระเข้ Aloegel อย่างเห็นได้ชัด
เจลว่านหางจระเข้ Aloegel : ให้ความชุ่มชื้นดีในระดับหนึ่งแต่ไม่เท่ากับฮาดะลาโบะ สำหรับคนผิวแห้งอาจรู้สึกว่าฉ่ำไม่พอ แต่สำหรับคนผิวมันผมว่ากำลังดี
Like : ฮาดะลาโบะขวดสีฟ้า
 

ความกระจ่างใสของผิวหน้า

ฮาดะลาโบะขวดสีฟ้า : ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใสได้ดีกว่าเจลว่านหางจระเข้ Alogel อาจเพราะมีส่นผสมของ arbutin และวิตามินซีร่วมด้วย ไม่แน่ใจว่าให้มาเท่าไรแต่จากที่ใช้รู้สึกว่ามัน work กว่าจริงๆ
เจลว่านหางจระเข้ Aloegel : เรื่องความกระจ่างใสนั้นไม่เด่นชัดเพราะส่วนประกอบหลักของเจลหลอดนี้คือว่านหางจระเข้ ไม่มีสารบำรุงตัวอื่นร่วมด้วยเลยจึงไม่น่าแปลกใจที่ในเรื่องนี้จะสู้กันไม่ได้ แต่ถ้าเรื่องความสามารถอื่นก็ไม่แน่
Like : ฮาดะลาโบะขวดสีฟ้า
 

ความมันที่เกิดขึ้นหลังใช้

ฮาดะลาโบะขวดสีฟ้า : หลังจากทาไปได้สัก 3 ชั่วโมงแล้งลองสังเกตความมันที่เกิดขึ้นผมรู้สึกว่าทาฮาดะแล้วหน้ามันมากกว่า Alogel อาจเป็นเพราะส่วนผสมที่ใส่มาเยอะกว่าก็เป็นได้
เจลว่านหางจระเข้ Aloegel : ทาแล้วหน้าไม่ค่อยมันเหมือนฮาดะ อาจเป็นเพราะมันออกแนวเคลือบผิวมากกว่าการบำรุง และส่วนผสมที่ไม่หลากหลายทำให้เวลาทาช่วยควบคุมความมันได้ดีกว่า
Like : เจลว่านหางจระเข้ Aloegel
 

ความอเนกประสงค์

ฮาดะลาโบะขวดสีฟ้า : เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์เน้นให้ความชุ่มชื้นและบำรุงผิวเป็นหลัก เรื่องหน้าขาวก็ไม่เท่าไร จุดด่างดำไม่เด่นชัด อย่างว่าครับมันไม่ใช่ครีม whitening นี่น่าจะเอาอะไรกับมันมากนัก โดยรวมแล้วจัดเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์แบบกลางๆที่ไม่แพงเกินไป
เจลว่านหางจระเข้ Aloegel : จริงๆตัวของมันเองนั้นไม่ใช่มอยเจอร์ไรเซอร์โดยกำเนิด ออกไปทางยาสมุนไพรมากกว่า สังเกตได้จากสรรพคุณที่เขียนไว้ข้างหลอดที่บอกไว้ว่า ช่วยรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก และทาให้ความชุ่มชื้นผิวหนัง นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการไหม้แดดเวลาโดนแดดเผาได้เป็นอย่างดี ถ้าเทียบเรื่องความอเนกประสงค์แล้วล่ะก็ ผมให้ Aloegel ตัวนี้ชนะครับ
Like : เจลว่านหางจระเข้ Aloegel
 

เรื่องสิวๆ

ฮาดะลาโบะขวดสีฟ้า : ด้วยความที่ฮาดะเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เน้นเรื่องการบำรุงผิวมากกว่า ดังนั้นถ้ามองใมุมเกี่ยวกับเรื่องสิวแล้วฮาดะดูด้อยกว่า Aloegel อย่างเห็นได้ชัด
เจลว่านหางจระเข้ Aloegel : เจลว่านหางจระเข้นอกจากมีสรรพคุณอย่างที่บอกไว้ข้างต้นแล้ว มันยังมีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบของผิวหนังแบบอ่อนๆด้วย อย่างเวลาที่เราเป็นผดผื่นเวลาเจออากาศร้อนๆเราสามารถใช้เจลว่านหางจระเข้ทาเพื่อบรรเทาอาการที่ว่าได้ หรือบางครั้งเป็นสิวอักเสบไม่มียาแต้มสิวสามารถใช้เจลว่านหางจระเข้ทาแก้ขัดไปก่อนได้ ถึงจะช่วยลดการอักเสบไม่ดีเท่าครีมแต้มสิวจริงๆแต่ก็ดีกว่าปล่อยให้มันอักเสบมากขึ้นนะ
Like : เจลว่านหางจระเข้ Aloegel
 
       สุดท้ายนี้ถ้าถามว่าคนเป็นสิวควรเลือกใช้ตัวไหนดีระหว่าง Hada labo Arbutin Whitening Lotion กับ เจลว่านหางจระเข้ Aloegel ขององค์การเภสัช ผมขอตอบว่าแล้วแต่กรณี ถ้ายังเป็นสิวเยอะอยู่ใช้ยาแล้วหน้าแห้งลอก ผมมองว่าเลือกใช้ Aloegel เหมาะกว่า ด้วยความที่มันมีส่วนผสมน้อยตัว ทำให้เวลาใช้ไม่ต้องกังวลว่าจะมีสารตัวไหนไปกระตุ้นการเกิดสิวเพิ่มขึ้น แต่ถ้าสิวเราน้อยลงหรือหายแล้วและกำลังมองหามอยเจอร์ไรเซอร์ที่ให้มากกว่าความชุ่มชื้นแล้วล่ะก็ ฮาดะลาโบขวดสีฟ้านี้ถือว่าตอบโจทย์ ส่วนเรื่องใช้แล้วแพ้หรือไม่คงบอกไม่ได้เพราะเป็นเรื่องเฉพาะคน แต่จากที่ผมใช้มาไม่มีปัญหาอะไรครับ
 
       นี่เป็นความรู้สึกของผมที่อยากเอามาแชร์ให้ผู้อ่านหลังจากใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ทั้ง 2 ตัวนี้มาอย่างยาวนาน ส่วนตัวแล้วมองว่าทั้งฮาดะลาโบะขวดสีฟ้า และเจลว่างหางจระเข้ Aloegel เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับคนเป็นสิวและผิวมันทั้งคู่ จะเลือกใช้ตัวใดตัวหนึ่งหรือจะเลือกใช้พร้อมกันเลยก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ผม Like ทั้งคู่ครับ ใครมีประสบการณ์การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ 2 ตัวนี้  หรือมีมอยเจอร์ที่ใช้แล้วโดนใจมาแชร์กันได้ครับ จะได้เป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆที่อ่านบทความนี้อยู่ด้วย ^^

บล็อกรักษาสิว

รักษาสิวอุดตัน
รักษาสิวอักเสบ
รักษาสิวผด
รักษาสิวสเตียรอยด์
วิตามินรักษาสิว
รักษาหลุมสิว
เลเซอร์รักษาสิว-หลุมสิว
วิธีรักษาสิวผู้ชายให้หาย
บล็อกเพื่อคนเป็นสิวทุกๆคน
แนะนำผลิตภัณฑ์รักษาสิว
Acnedefend บล็อกเพื่อคนเป็นสิวทุกๆคน