การล้างหน้าที่ดีเป็นจุดเริ่มต้นของการรักษาสิว ถ้าเราล้างหน้าไม่ดี ล้างไม่สะอาด โอกาสที่จะเกิดสิวอักเสบ สิวหัวช้าง สิวอุดตัน สิวผดก็จะมีสูงขึ้นไปด้วย และแน่นอนการล้างหน้าที่ดีนั้นต้องมาคู่กับการใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าหรือโฟมล้างหน้าที่เหมาะสมกับสภาพผิวของเรา ซึ่งบอกได้เลยว่าผิวหน้าของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน การเลือกใช้โฟมล้างหน้าก็ย่อมแตกต่างกันออกไปซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา

 

วันนี้ Acnedefend ขอพูดถึงผลิตภัณฑ์ล้างหน้าหรือโฟมล้างหน้าตระกูล Smooth E 2 ตัว ซึ่งเป็นตัวที่ผมเคยใช้มาก่อน เมื่อก่อนผมเป็นสาวกของ Smooth E ตัวยง ออกอะไรมาใหม่เป็นต้องอยากลองทุกครั้ง ทั้งโฟมล้างหน้าเอย ครีมแต้มสิวเอย ครีมบำรุงผิวหน้าเอย ลองมาหลายตัวเหมือนกัน และโฟมล้างหน้าที่จะพูดถึงในวันนี้ก็คือ Smooth E Babyface Foam และ Smooth E Babyface Gel ผลิตภัณฑ์ล้างหน้ายอดนิยมทั้ง 2 ตัวของ Smooth E นั่นเอง โดยขอพูดในลักษณะการเปรียบเทียบในเรื่องของสภาพผิวและเรื่องสิวๆก็แล้วกัน โดยการเปรียบเทียบนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผม บวกกับความคิดเห็นของคนอื่นๆที่ผมลองไปค้นหาตาม Webboard ต่างๆมา ถ้าพร้อมแล้วตามมาดูได้เลยครับ

 

ความแตกต่างอย่างแรกระหว่าง Smooth E Babyface Foam และ Smooth E Babyface Gel คือเนื้อของผลิตภัณฑ์ Smooth E Babyface Foam เป็นเนื้อโฟมสีขาว ในขณะที่ Smooth E Babyface Gel เป็นเนื้อเจล เป็นผลิตภัณฑ์ล้างหน้าแบบไม่มีฟองทั้งคู่ ซึ่งความคิดเห็นของผมต่อเนื้อของผลิตภัณฑ์นั้นผมเคยรู้มาว่าผลิตภัณฑ์ที่เป็นเนื้อเจลสามารถชะล้างและลดการตกค้างของสิ่งสกปรกได้ดีกว่าแบบโฟม ไม่รู้จริงแท้แต่อย่างใดแต่ผมก็ค่อนข้างเชื่อนะ ช่วงหลังผมเลยพยายามหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากโฟม เน้นที่เป็นเจลกับเนื้อสบู่เหลวแทน

 

จากที่เคยใช้มาผมรู้สึกว่าโฟมล้างหน้า Smooth E Babyface Foam สามารถช่วยขจัดความมันบนผิวหน้าได้ดีกว่า Smooth E Babyface Gel ก็อย่างว่านะ ตัวหลังทำมาเพื่อตีตลาดสำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่าย ทำให้อาจจะลดการใส่สารชะล้างบางอย่างลงไป ทำให้ความสามารถในการชะล้างความมันลดลง ตัวผมเองตอนใช้ Smooth E Babyface Foam นั้นผมว่าสามารถล้างความมันออกได้ดีและไม่ทำให้หน้าแห้งตึงมากเกินไป แต่ตอนที่ใช้  Smooth E Babyface Gel รู้สึกว่าถ้าใช้ในปริมาณที่เท่ากันแล้ว Smooth E Babyface Gel มันล้างความมันได้ไม่ดีเท่า ต้องใช้เยอะขึ้นหรือไม่ก็ต้องล้างหน้า 2 ครั้งขึ้นไปถึงจะรู้สึกว่าหน้าสะอาด ด้วยเหตุนี้ผมก็เลยคิดว่าถ้าใครหน้ามันใช้ตัว Smooth E Babyface Foam จะเหมาะกว่า แต่ถ้าใครผิวแพ้ง่าย หน้าไม่มันมาก ผิวผสม ผิวแห้ง ใช้ Smooth E Babyface Gel ดีกว่า

 

โดยส่วนตัวแล้วผมใช้ทั้ง 2 ตัวได้ไม่มีปัญหา ไม่เกิดอาการแพ้หรือทำให้สิวเห่อแต่อย่างใด แต่จากที่ลองไปอ่านดูจากความคิดเห็นของคนอื่นผมพบว่า มีคนที่ใช้ Smooth E Babyface Foam แล้วแพ้อยู่เยอะเหมือนกัน บางคนใช้แค่วันเดียวตื่นนอนมาสิวอักเสบ สิวผดบุกหน้าเลยก็มี ส่วนตัว Smooth E Babyface Gel นั้นดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีคนแพ้มากเท่าไร มีบ้างแต่น้อยกว่าตัวแรกเยอะ ส่วนใหญ่ก็จะบอกว่าใช้ดีลดการเกิดสิว ไม่ทำให้หน้าแห้งจนเกินไป ยังไงซะอาการแพ้ที่บอกไปไม่จำเป็นต้องเกิดกับทุกคน คนที่ใช้ดีช่วยให้สิวหายก็มีเยอะครับ ของอย่างนี้บางทีก็ต้องลองเองถึงจะรู้

 

ในเรื่องความสามารถในการลดการเกิดสิว ผมว่าทั้ง 2 ตัวทำได้พอๆกัน คือผมใช้ก็ไม่ได้ทำให้สิวขึ้นเยอะขึ้นนะ เพียงแต่ว่าตอนใช้ทั้ง 2 ตัวนั้นก็ไม่ทำให้สิวผมหายได้ ก็ยังขึ้นๆยุบอยู่อย่างนั้น เป็นๆหายๆแต่เรียกว่าไม่หายน่าจะถูกต้องกว่า Smooth E Babyface Foam นี่ผมใช้มานานหลายปี แต่สิวก็ไม่เคยสักที ตอนนั้นไม่คิดว่าเรื่องโฟมล้างหน้าจะมีผลต่อการเกิดสิวก็เลยไม่เคยเปลี่ยน ไปให้ความสนใจกับวิธีรักษาสิวอื่นๆมากกว่า แต่มาตอนหลังเริ่มรู้อะไรมากขึ้น แล้วเห็นโฆษณาของ Smooth E Babyface Gel ที่เพิ่งออกใหม่พอดี เห็นว่าเป็นสูตรอ่อนโยน เหมาะกับคนผิวแพ้ง่าย ลดสิวอุดตันได้ดี ก็เลยตัดสินใจลองมาใช้ตัวนี้แทน ผลที่ได้ก็คือสิวก็ยังขึ้นเหมือนเดิม ไม่ได้มากอะไรแต่ก็ไม่หาย โดยส่วนตัวแล้วก็ไม่ค่อยประทับใจสักเท่าไร

 

        นี่เป็นความคิดเห็นและการเปรียบเทียบโฟมล้างหน้า  Smooth E Babyface Foam และ Smooth E Babyface Gel ส่วนตัวของผมเท่านั้นนะครับ อาจจะดูว่าไม่คอยเชียร์ให้ใช้สักเท่าไร แต่จริงแล้วผลิตภัณฑ์ล้างหน้าของ Smooth E ทั้ง 2 ตัวจัดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีและได้รับความนิยมสูงมากตัวหนึ่ง เพียงแต่ว่าอาจจะไม่เหมาะกับสภาพผิวหน้าของผมเท่านั้นเอง เพราะคนที่เขาใช้ดี ช่วยแก้ปัญหาสิวได้ก็มีเยอะ ไม่มีผลิตภัณฑ์ล้างหน้าตัวไหนที่ดีที่สุด แต่มีผลิตภัณฑ์ที่ดีและเหมาะสมกับตัวเราที่สุดแน่นอนครับ

 

        การล้างหน้าและการเลือกใช้โฟมล้างหน้าที่ดีนั้นเป็นเพียงวิธีช่วยลดการเกิดสิววิธีหนึ่งเท่านั้น บางครั้งถึงแม้เราจะเลือกมาดีแล้ว แต่สิวบนหน้าของเราก็อาจไม่ยอมหายไปสักที ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา เพราะสาเหตุการเกิดสิวมันมีมากมายซะเหลือเกิน ดังนั้นหากเราต้องการรักษาสิวให้หาย เราก็จำเป็นต้องใช้วิธีรักษาสิวหลายๆวิธีควบคู่กันไป เลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเรามากที่สุด สิวต้องหายไปได้สักวัน แต่ถ้านึกไม่ออกก็ให้นึกถึง Acnedefend ก็ได้ครับ บล็อกนี้มีวิธีรักษาสิวดีๆที่พร้อมให้ทุกคนมาค้นหาอยู่มากมาย และยินดีแถมกำลังใจเพื่อเป็นพลังใจให้ด้วยครับ สู้ๆนะครับทุกคน